นอกจาก จอที่กว้างเป็นพิเศษ แล้วมีอะไรให้ตื่นเต้นกันบ้างลองดูรีวิวด้านล่างซึ่งอธิบายได้ละเอียด ทีเดียว แต่อย่าลืมว่าราคา ยี้ห้อ เมื่อขายต่อ ราคาตกอย่างรวดเร็ว
==========================================
1. ถ้าหากเทียบกับแอนดรอยด์โฟนที่เคยทดสอบมา Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) ถือว่า ประมวลผลได้ดีกว่ามาก เนื่องจากใช้ซีพียูแบบ Quad-core Processor ความเร็วถึง 1.4GHz นั่นเอง
2. จอ Super Amoled ให้ความละเอียดชัดเจน หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ทำให้มีพื้นที่การใช้งานเยอะขึ้น
3. ตัวเครื่องไม่ร้อน แม้ว่าจะใช้งานมาเป็นเวลานาน หรือใช้งานหนักก็ตาม จะรู้สึกแค่อุ่นๆ เท่านั้น
4. ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0.4 Ice Cream Sandwich เวอร์ชั่นล่าสุด (ณ ตอนนี้)
5. ระบบการสัมผัสลื่น ไม่หน่วง ไม่ค้าง
6. แบตเตอรี่ความจุเยอะมาก 2100 mAh หลังจากทดสอบใช้งานแบบปกติทั่วไป สามารถใช้งานได้นาน 10-11 ชั่วโมง (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย)
7. มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เช่น S Voice, SmartStay
8. การท่องเว็บทำได้ดีครับผลการทดสอบ Java script benchmark จากต่างประเทศ Galaxy S3 ได้ 1,498.9ms คะแนน ดีกว่า iphone 4s และ Galaxy S2 ที่ได้คะแนน 2,181.6ms และ 3,445.3ms ตามลำดับ (ยิ่งน้อยยิ่งดี)
============================================================
1. กล้องขนาด 8 ล้านพิกเซลอาจจะน้อยเกินไปถ้ามองในระยะยาว จริงๆแล้วก่อนเปิดตัวมีข่าวว่ากล้องจะมีความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซล ถึงแม้ว่าสำหรับ ณ.ปัจจุบันต้องถือว่า 8 ล้านพิกเซลก็เพียงพอต่อการใช้งานครับ แต่ถ้ามอง Samsung Galaxy S3 ในฐานะเรือธงของ ซัมซุง ซึ่งต้องออกมาแข่งขันกับเจ้าตลาดอย่าง Apple และราคาที่ต้องถือว่าเป็นราคามือถือระดับ high-end ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลในระยะยาวอาจจะน้อยกว่าคู่แข่งครับ
2. ขนาดจอที่ใหญ่ขึ้น และตัวเครื่องที่หนาขึ้น จริงๆแล้วขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นก็มีทั้งข้อดีข้อเสียครับ ข้อดีคือเรามีพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้น ใช้ดูหนังฟังเพลงได้มากขึ้น แต่การพกพาอาจจะไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ต้องการ มือถือขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ส่วนตัวผมเชื่อว่า หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นนอกจากเรื่องการใช้งานแล้วอาจจะมีเหตุผลจาก แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นที่ได้มาถึง 2,100 mAhที่ทำให้มือถือต้องการพื้นที่มากขึ้น สำหรับตัวเครื่องนั้น S2 หนากว่า S2 ที่ 8.6mm ต่อ 8.49mm จริงๆตัวเลขนี้ต้องบอกว่าแทบไม่เห็นความแตกต่าง แต่ก็ถือว่ายังหนากว่านิดหน่อยครับ อย่างไรก็ดีการดีไซน์ ลักษณะโค้งมนก็ช่วยให้การจับกระชับกว่า S2 ครับ (ความเห็นส่วนตัว)
3.การใช้งานกลางแจ้งของจอ Super Amoled สำหรับคนที่เน้นการใช้งานกลางแจ้งตรงนี้อาจต้องลองใช้งานด้วยตัวเองดูครับ ตรงนี้เป็นจุดด้อยของเทคโนโลยีหน้าจอตอนนี้ที่ยังไม่เหมาะกับการใช้งานกลาง แจ้ง สำหรับคนที่ต้องการมือถือที่ใช้งานกลางแจ้งก็คงต้องมองไปที่มือถือที่มี เทคโนโลยีใช้งานได้ดีกลางแจ้งเช่น Clear black disply แต่ก็แลกไปกับความคมชัดและความสดใสของ Super Omled ที่ดีกว่าครับ
4.สีสันของจอ Super Amoled สำหรับท่านที่ติดตามเทคโนโลยีหน้าจอจะทราบดีกว่าจอ Super Amoled นั้นให้สีดำที่สนิททำให้การเก็บรายละเอียดทำได้ดีมาก สีสันก็จะสดใสเป็นพิเศษ แต่บางคนที่ชอบหน้าจอที่ให้สีสันไม่สดใสมากดูเป็นธรรมชาติก็อาจจะชอบจอของ คู่แข่งอย่าง iPhone มากกว่า แต่ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความชอบครับอย่างผมเองเวลาดูหนังชอบดูจาก Super Amoled แต่ถ้าดูภาพถ่ายก็จะชอบดูจากจอที่ไม่ใช่ Super Amoled ครับ
5. สุดท้ายครับ ผมน้อยใจที่ไม่มีสีดำ (ความเห็นส่วนตัวผมชอบมือถือสีดำครับ
สุดท้ายก่อนจบมีเรื่องแปลกที่ทุกคนพูดถึงครับ เท่าที่ได้สัมผัสต้องบอกว่า Samsung Galaxy S3 ตัว จริงสวยกว่าในรูปมากพอสมควรครับ ไม่รู้ทำไม :D ตอนเปิดตัวมีคนบ่นเรื่อง ดีไซน์พอสมควรแต่พอได้จับส่วนใหญ่จะบอกว่าสวยดี (แต่แอบอยากให้มีสีดำ) ผมเองก็รู้สึกเหมือนกันครับ สำหรับท่านไหนที่สนใจลองไปดูตัวจริงก่อนนะครับแล้วดูว่าคิดเหมือนกันรึเปล่า สำหรับ Samsung Galaxy S3 ตอน นี้ต้องถือว่าเป็น Android Phone ที่เร็วสุดเป็นที่พูดถึงมากที่สุด จากการใช้งานบอกได้ว่าน่าใช้ครับ Samsung เองก็เริ่มปรับกลยุทธ์ มีการเพิ่ม Application พร้อมมากับตัวเครื่องเพื่อเพิ่มความฉลาดของ Smartphone ของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดีครับ ผู้บริโภคอย่างเราก็ได้ใช้สินค้าที่ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น สุดท้ายคุณสนใจและอยากเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S3 หรือไม่